สินสอด ทองหมั้นตามประเพณีนิยม

สินสอดทองหมั้นนั้นเป็นกุศโลบายของคนในสมัยโบราณ  ซึ่งการแต่งงานส่วนใหญ่ หนุ่มสาวมักไม่ค่อยเจอกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการคลุมถุงชน หรือผู้หลักผู้ใหญ่ตกลงกันเอาเอง ดังนั้นเพื่อเป็นหลักประกันว่าฝ่ายหญิงจะไม่เป็นหม้ายขันหมาก จึงมีการเรียกสินสอดทองหมั้นขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายชายทอดทิ้งการแต่งงาน อีกทั้งยังช่วยเป็นหลักประกันได้ว่า ฝ่ายชายจะสามารถเลี้ยงดูฝ่ายหญิงต่อไปได้ในอนาคต  เพราะในสมัยก่อนฝ่ายหญิงจะต้องแต่งออกไปอยู่บ้านฝ่ายชาย จำเป็นต้องพึ่งพาฝ่ายชายเป็นอย่างมาก เงินสินสอดถือได้ว่าเป็นเครื่องการันตีความมั่นคงให้กับชีวิตของเจ้าสาว เพราะหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในอนาคต ฝ่ายหญิงจะได้สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง การเรียกค่าสินสอดจะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการทาบทามตกลงสู่ขอกันเรียบร้อยแล้ว

ในปัจจุบันการแต่งงานของคนไทย ก็ยังคงมีการเรียกสินสอดทองหมั้นกันอยู่ตามประเพณีที่ทำต่อ ๆ กันมา แต่จะมีการประยุกต์ ปรับใช้ให้เข้ากับสภาพสังคมในปัจจุบันมากขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้การคลุมถุงชน หรือการไม่ค่อยได้มีการพบปะพูดคุยกันแทบจะไม่มีแล้ว การแต่งงานส่วนมากจะเกิดขึ้นจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งฝ่ายหญิงยังสามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมีคู่บ่าวสาวจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะวางแผน และจัดงานแต่งงานกันเอง แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับสินสอดทองหมั้นอยู่ เพียงแต่อาจมีการปรับเปลี่ยนจากเดิมไปบ้าง เช่น จากที่ครอบครัวฝ่ายชายต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ก็กลายเป็นว่าช่วยกันรับผิดชอบ ในบางครั้ง ทางผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง อาจไม่เรียกค่าสินสอดเลย แต่ฝ่ายชายก็จะมีสินสอดทองหมั้นมาให้ทางฝ่ายเจ้าสาว เพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง หรือในบางครั้ง ในทางกลับกัน หากฝ่ายหญิงมีการเรียกค่าสินสอดที่มีมูลค่ามากเกินไป เกินกำลังของทางฝ่ายชายที่จะสามารถหามาให้ได้ ก็อาจทำให้การวางแผนแต่งงานหยุดชะงักลง จนอาจกลายเป็นเรื่องบาดหมางของทั้งสองฝ่ายได้เหมือนกันค่ะ

ในทางกฎหมาย ของหมั้นจะเป็นทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นแก้ว แหวน เงินทอง รถยนต์ ไปจนถึงบ้าน คอนโด ที่ดิน และยังรวมไปถึงสิทธิต่าง ๆ ที่ตีมูลค่าเป็นเงินได้ เป็นสิ่งที่ฝ่ายชายได้ให้ไว้แก่ตัวฝ่ายหญิงเอง และฝ่ายหญิงได้รับของสิ่งนั้นไว้เอง และต้องส่งมอบหรือโอนให้แก่หญิงในวันหมั้นหมาย ฝ่ายชายต้องให้ของหมั้นแก่ฝ่ายหญิงโดยมีเจตนาให้ของหมั้นนั้นเป็นหลักฐานว่าจะสมรสและจดทะเบียนสมรสกับฝ่ายหญิงต่อไป ส่วนสินสอดนั้นจะเป็นทรัพย์สินเช่นเดียวกับของหมั้นแต่จะเป็นสิ่งที่ฝ่ายชายให้แก่พ่อแม่ หรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิง เจตนารมณ์ของกฎหมายมุ่งไปที่ตัวพ่อแม่ ผู้ปกครองของฝ่ายหญิง โดยสินสอดจะเป็นทรัพย์สินที่ให้เพื่อตอบแทนการที่ฝ่ายหญิงยอมสมรสด้วย และจะต้องมีการจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย

จะเห็นได้ว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นนั้น เป็นประเพณีนิยมของคนไทย ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน อาจจะยังมีความยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องสินสอดทองหมั้นอยู่ ทำให้อาจมีการเรียกสินสอดที่มีมูลค่าสูง ๆ บวกกับต้องมีการจัดงานที่ใหญ่โต เชิญแขกเหรื่อมาเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เหมาะสมกับความมีหน้ามีตาและฐานะทางสังคมของฝ่ายหญิง แบบนี้ฝ่ายชายจะต้องมีการเตรียมตัวหนักหน่อยค่ะ แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อย ที่เห็นว่าเพียงแค่ให้ฝ่ายชายเป็นคนดี ทำมาหากิน รักและสามารถดูแลฝ่ายหญิงได้เป็นอย่างดีก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นหากคิดจะแต่งงาน ควรเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่เรื่องสินสอดทองหมั้นกันเสียแต่เนิ่น ๆ นะคะ เพราะหากมีปัญหาเกิดขึ้น จะได้มีเวลาช่วยกันคิดแก้ปัญหา หาทางออกร่วมกันได้ค่ะ