เมื่อคุณจะแต่งงาน!
คุณคงเคยได้เห็นงานแต่งงานใคร ๆ หลายคู่ที่ออกมาดูสวยงาม น่าประทับใจ แต่บางงานก็ออกมาเฟล ไม่เป็นที่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แน่นอนว่างานที่สำคัญขนาดนี้ ใคร ๆ ก็อยากให้ออกมาเพอร์เฟคที่สุด แม้กระทั่งการ์ดแต่งงาน แต่กว่าที่งานจะออกมาสวยงามน่าประทับใจได้อย่างใจคิดนั้น เบื้องหลังล้วนไม่ง่ายอย่างที่คิด ทุกขั้นตอนจะต้องมีการหาข้อมูลและการวางแผนงาน และมีการเตรียมการเป็นอย่างดี เมื่อชีวิตนี้จะได้แต่งงานทั้งที มาดูกันค่ะว่า คุณต้องเตรียมการและวางแผนในเรื่องใดบ้าง
- การวางเกี่ยวกับงบประมาณและค่าใช้จ่าย
ปัจจัยหลักที่จะช่วยเนรมิตให้งานออกมาได้สวยงามอย่างที่ตั้งใจ คงหนีไม่พ้นเรื่องเงิน การวางแผนเกี่ยวกับงบประมาณและค่าใช้จ่ายของคุณ จะเป็นตัวรายละเอียดต่าง ๆ ต่อไปสำหรับงานแต่งงาน ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน หรือมีงบไม่อั้น แต่จะมีใครอยากเสียเงินไปโดยไม่สมเหตุสมผลใช่มั้ยล่ะคะ ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำ คือการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการกำหนดขอบเขตของงาน ว่าจะจัดในลักษณะไหน เป็นการช่วยป้องกันปัญหาจุกจิก หรืองบบานปลายให้ปวดหัวในภายหลังอีกด้วย ที่สำคัญคือ คุณและคู่ของคุณ ควรคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณที่จะใช้จัดงานแต่ง ว่าเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม และเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย จะได้ไม่มีเรื่องแอบผิดใจกันนะคะ
- วันแต่งงาน และจำนวนแขกที่จะเชิญมาร่วมงาน
หลังจากที่เราได้กำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับงานแต่งงานเอาไว้แล้ว ในส่วนของฤกษ์งามยามดี และแขกที่ต้องเชิญมาร่วมงาน สมควรที่จะต้องเข้าไปปรึกษากับผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งเราต้องเข้าใจว่าสังคมไทยยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องครอบครัวอยู่ค่อนข้างมาก ยิ่งบางครอบครัวต้องมีพิธีครบ ไม่ว่าจะเป็นพิธีจีน พิธีสงฆ์ พิธีคริสต์ มีการยกน้ำชา รดน้ำสังข์ ยกขันหมาก สวมแหวนหมั้น พิธีสงฆ์ พิธีคริสต์ และงานฉลองสมรส ยิ่งต้องวางแผนกันหนักมาก ทั้งฤกษ์งามยามดีในการจัดงาน สถานที่ จำนวนแขกที่ต้องการจะเชิญ หากครอบครัวไหนมีแขกฝั่งเพื่อนคุณพ่อคุณแม่ก็เยอะ แขกของเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เยอะ มักจะหาทางออกโดยจัดงานฉลองเป็น 2 รอบหรืออาจจะแบ่งงานเช้า เป็นงานสำหรับผู้ใหญ่ ส่วนงานเลี้ยงตอนกลางคืนก็ให้เป็นปาร์ตี้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปก็ได้
- สถานที่จัดงาน
เมื่อได้ฤกษ์แต่งงานและจำนวนแขกที่ต้องเชิญกันมาแล้ว อันดับแรกคือการดูว่าวันนั้นอยู่ในช่วงฤดูอะไร หากแต่งงานในช่วงหน้าฝนหรือช่วงของรอยต่อแต่ละฤดูซึ่งมักจะมีสภาพอากาศแปรปรวน ควรเลือกจัดงานในสถานที่ปิด เช่น ร้านอาหาร หอประชุม หรือโรงแรม ควรหลีกเลี่ยงการจัดงานในพื้นที่โล่ง จะได้หมดห่วงกันว่าวันแต่งงานจะมีฝนตกมั้ย? อากาศดีหรือเปล่า? จะได้ไม่ต้องลุ้นกันให้หนักใจค่ะ จำนวนแขกที่มาร่วมงาน จัดได้ว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดสถานที่จัดงาน และเมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปก็คือ การเข้าไปดูสถานที่จริง ค้นหาข้อมูลเพื่อดูผลงานที่ผ่าน ๆ มา หรือขอเข้าไปดูในวันที่จัดงานแต่งคู่อื่น ๆ พร้อมทั้งดูรายละเอียดต่าง ๆ ที่จะได้เมื่อจัดงานแต่งงาน แนะนำว่าให้ลองไปดูหลาย ๆ ที่นะคะ เพื่อเอามาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หากถูกใจและคิดว่าเหมาะสมแล้ว แนะนำให้จองสถานที่เอาไว้เลยค่ะ เพราะถ้าช้า คุณอาจพลาดได้
- ธีมของงานและการตกแต่ง
อยากให้งานแต่งงานของเราออกมาเป็นแบบไหน ก็ต้องมีการปรึกษาและวางแผนงานกับสถานที่จัดงานที่เราได้เลือกไว้ หรือออแกไนซ์ที่เราจ้างมา ธีมของงานแต่งงานที่กำลังนิยมในปัจจุบันเช่น Fairy tale Wedding Theme ธีมแต่งงานสไตล์เจ้าหญิงหวาน เสมือนอยู่ในโลกของเทพนิยาย Neutral Wedding Theme ที่มีเอกลักษณ์การตกแต่งแบบเรียบง่าย เน้นใช้สีเทา สีเงิน เมทัลลิก เพื่อสร้างความหรูหรา เป็นสไตล์มินิมอลในแบบ luxury หรือจะเป็น Garden Wedding Theme สวนสีเขียวกับดอกไม้สีขาวอ่อนโยน หรือหลากสีสัน ประกอบเข้ากับสีเขียวของใบไม้และสนามหญ้า ตกแต่งด้วยของกระจุกกระจิกน่ารัก ๆ ที่ช่วยสร้างความสุนทรีย์ให้กับงานแต่งงานของคุณ แต่ถ้าหากไม่ได้ต้องการธีมใดเป็นพิเศษ ก็อาจกำหนดสีสันที่จะใช้หลัก ๆ ภายในงานก็ได้ค่ะ
- พิธีต่าง ๆ
นอกจากงานเลี้ยงแล้ว งานแต่งงานของไทยเราจะต้องมีพิธีสงฆ์ สำหรับงานเช้า คนที่จะดำเนินการทางด้านพิธี หากเป็นพิธีทางคริสต์ศาสนาก็จะต้องมีบาทหลวง รวมไปถึงโบสถ์สำหรับทำพิธี สำหรับพิธีสงฆ์ก็จะต้องมีการนิมนต์พระที่ทางครอบครัวได้นับถือเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะอาจจะมีคู่อื่นนิมนต์ก่อนได้ นอกจากนี้ยังต้องเลือกญาติผู้ใหญ่ที่จะเป็นประธานในพิธี ซึ่งควรกำหนดและเชิญเอาไว้แต่ล่วงหน้าด้วยตนเองก่อนวันงานประมาณสามเดือน และเมื่อใกล้ถึงวันงานสักหนึ่งสัปดาห์ ก็ควรเข้าไปเยี่ยมเยียนท่านอีกครั้งเพื่อเป็นการคอนเฟิร์ม ในการกำหนดว่าจะให้ญาติผู้ใหญ่คนไหนมาเป็นประธานในพิธี ควรปรึกษาครอบครัวทั้งสองฝ่ายก่อน แต่หากไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้ ก็ให้เลือกมาฝ่ายละ 1 คน และควรเลือกคนที่มีครอบครัวสมบูรณ์ เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับคู่บ่าวสาว
- ชุดแต่งงาน และเครื่องประดับ
ในการเลือกชุดแต่งงาน ถึงคราวต้องลงพื้นที่เพื่อตามห้องเสื้อชุดเจ้าสาว หรือไปตามงานเวดดิ้งแฟร์ เพื่อหาแบบชุดแต่งงาน หากเป็นชุดเช่า-ตัด จะใช้เวลาประมาณ 3-5 เดือนในการตัดชุดใหม่ แต่ถ้ามีแบบในใจอยู่แล้วสามารถยื่นแบบให้ทางร้านได้เลย อยากได้ชุดแบบไหน ยังไง ก็สามารถเลือกหาได้ตามความพึงพอใจและงบประมาณได้เลยเต็มที่ค่ะ เพราะชุดเจ้าสาวที่สวยนั้นไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัวแน่นอน รูปร่างลักษณะของเจ้าสาว ดังนั้นเจ้าสาวจึงควรทำการบ้านมาก่อนด้วยว่า ตนเองใส่ชุดแบบไหนถึงจะออกมาดูสวย โทนสีชุดที่นิยมใช้โดยทั่วไป ก็คือ สีขาว สีงาช้าง สีครีม และสีชมพูอ่อน ส่วนชุดเจ้าบ่าวก็ใช้ สีดำ สีเทา สีครีม สีขาว และสีน้ำเงินเข้ม เมื่อเลือกชุดได้แล้ว ก็ค่อยมาเลือกเครื่องประดับที่เข้าชุดกัน หากเป็นชุดที่มีดีเทลต่าง ๆ เยอะอยู่แล้ว ควรเลือกใช้เครื่องประดับเรียบ ๆ เพียงเล็กน้อย จะได้ไม่แย่งความเด่นของชุด โดยเครื่องประดับที่ใช้ไม่ควรมีสีสันที่โดดเด่นจนเกินไปค่ะ
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ ยังมีงานในส่วนอื่นๆ อีกที่เราต้องเตรียมพร้อม.. ติดตามใน Part 2 ได้เลยค่ะ