การจัดงานแต่งงาน ปัจจัยที่สำคัญที่สุด ที่มีผลต่อรูปแบบของงาน การตกแต่ง จำนวนแขกเหรื่อ ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว อาหาร สถานที่ การ์ดแต่งงาน ของชำร่วย ฯลฯ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเงินค่ะ วันนี้เรามีวิธีจัดการงบประมาณที่ใช้สำหรับจัดงานแต่ง เพื่อให้ออกมาดูดีตามที่เราวางแผนและคาดหวังเอาไว้ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนักใจเมื่องบบานปลายมาฝากกันค่ะ
- ค่าพิธีฉลองมงคลสมรส
งบประมาณในส่วนนี้ก็คือ ค่าใช้จ่ายสำหรับสถานที่ อาหาร และเครื่องดื่ม หรือว่าง่าย ๆ ก็คือในส่วนของงานเลี้ยงนั่นเองค่ะ คู่บ่าวสาวควรกันงบประมาณเอาไว้ที่ 50-60% ของงบประมาณที่มีทั้งหมด เพราะโดยทั่วไปแล้วค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะหมดไปกับค่าอาหารและ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณแขกที่คุณเชิญมาร่วมงานด้วย งานจัดเลี้ยงถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ และเป็นส่วนที่สำคัญในพิธีแต่งงาน มีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดี เป็นสักขีพยานกันค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้เยอะหน่อยค่ะ เพราะถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นในงานเลี้ยง การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจะทำได้ยาก และจะทำให้คุณปวดเศียรเวียนเกล้ากันไม่น้อยเลยค่ะ
- ค่าชุดแต่งงาน แต่งหน้า และทำผม
ในส่วนของเสื้อผ้า หน้า ผม ของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ควรกันงบประมาณอยู่ที่ 15% ของงบประมาณที่ใช้ทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้ หากคุณมีเพื่อน ญาติ หรือคนสนิท ที่แต่งหน้าออกมาได้ดี หรือเป็นช่างแต่งหน้าอยู่แล้ว ก็จะช่วยประหยัดงบไปได้เยอะเชียวค่ะ หรือหากไม่อยากปวดหัวหาช่างให้วุ่นวาย กลัวได้ช่างที่แต่งหน้าออกมาแล้วไม่สวย การใช้ Wedding Planner ที่มีคอนเน็คชั่นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานอยู่มากมาย จะมีแพ็กเกจเหมาจ่ายซึ่งมีบริการครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ช่างแต่งหน้า และช่างภาพเอาไว้ให้อยู่แล้ว ในส่วนนี้แนะนำให้ลองติดต่อดูหลาย ๆ เจ้า เพื่อหาเจ้าที่ตอบโจทย์และอยู่ในงบประมาณของเรามากที่สุดค่ะ
- ค่าการ์ดแต่งงานและของชำร่วย
นับจำนวนแขกที่มางานว่ามีเยอะหรือไม่ ในส่วนของการ์ดแต่งงานและของชำร่วย ควรใช้งบประมาณอยู่ที่ 5% ของงบประมาณที่ใช้ทั้งหมด ในการสั่งทำการ์ดแต่งงาน ควรเริ่มต้นเลือกสีและขนาดของซอง ซึ่งต้องดูด้วยว่าสั่งการ์ดแล้ว มีซองรวมอยู่ด้วยในแพ็คเกจหรือเปล่า เพราะถ้าเลือกแต่ตัวการ์ดแต่งงานแล้วเกิดไม่รวมซองมาด้วย คุณอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มในส่วนของซองอีก จำนวนการ์ดและของชำร่วยที่ต้องใช้ ควรนับจำนวนแขกที่เชิญมาให้แน่นอนเสียก่อน แล้วจึงบวกจำนวนเพิ่มเข้าไปประมาณ 50-60 ชิ้นค่ะ
- ค่าตกแต่งสถานที่และดอกไม้
งบประมาณที่ใช้ในส่วนนี้ควรอยู่ที่ 10% ของงบประมาณที่ใช้ทั้งหมด หากมีการจ้าง Wedding Planner มาแล้ว ในส่วนนี้ Wedding Planner จะช่วยจัดการให้คุณเองค่ะ การจ้าง Wedding Planner มีข้อดีคือบ่าวสาวแทบไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อยหรือวุ่นวายเลย เพราะเขาจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ แต่ก็อย่าลืมเช็คดูในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เครื่องเสียง วงดนตรี ขนาดของโต๊ะ กล่องรับซอง หรือโต๊ะวางสมุดอวยพร เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ในการจัดงานแต่งงาน เราควรกันงบเอาไว้อีก 5% ของงบประมาณที่ใช้ทั้งหมด เงินในส่วนนี้จะเป็นเงินสำรองที่จะสามารถดึงออกมาใช้ได้ในกรณีที่เกิดปัญหาในส่วนอื่น ๆ เพราะการเตรียมงานแต่งงานมักจะมีเรื่องที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ การจดรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน ก็ถือเป็นการดูแลและควบคุมงบประมาณที่ดีอีกวิธีหนึ่งเลยค่ะ
การจัดการงบประมาณโดยการแบ่งออกเป็นส่วน ๆ จะช่วยทำให้ทราบได้ว่ามีการใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เหลือเท่าไหร่ เกินมาเท่าไหร่ เงินที่จ่ายไปมีความคุ้มค่าหรือไม่ การควบคุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่เรากำหนด ก็จะทำให้งานแต่งงานของเรา ออกมาคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากที่สุดค่ะ