ปฏิทินตั้งโต๊ะ (Desk Calendar)

 

ทำไมถึงต้องเป็นปฏิทินตั้งโต๊ะ

คนมักจะให้ปฏิทินเป็นของขวัญหรือแจกปฏิทินเนื่องในโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปีและขึ้นปีใหม่   นั่นเป็นเพราะว่าทุกคนมักจะใช้ปฏิทินกันตลอดทั้งปี   คุณสามารถเลือกใช้ภาพหรือข้อความขนาดใหญ่กว่าเพื่อโปรโมทธุรกิจของคุณให้โดดเด่น เห็นชัดเจนได้มากกว่า หลังจากคุณสั่งพิมพ์ปฏิทินโดยมีข้อความทางการตลาดและแบรนด์ของบริษัทคุณ  ปฏิทินก็จะกลายเป็นสื่อโฆษณาที่น่าสนใจมากๆ เพราะนั่นหมายความว่าคุณกำลังทำการตลาดแบรนด์คุณให้กับคน ๆ หนึ่ง หรือหลาย ๆ คน ตลอดระยะเวลา 365 วัน  นับได้ว่าการใช้ปฏิทินนั้นเป็นวิธีทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะหลังจากที่คน ๆ หนึ่ง หรือหลาย ๆ คน ได้เห็นแบรนด์ของคุณบนปฏิทินเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครก็ต้องจดจำแบรนด์คุณได้อย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบอื่น อย่างเช่น ปฏิทินแขวน หรือโปสเตอร์ต่าง ๆ  แต่ที่ยอดเยี่ยมก็คือ ปฏิทินจะเป็นสิ่งที่มักจะถูกนำมาแขวนบนผนัง  ทั้งในบ้านเรือน หรือตามร้านค้าต่าง ๆ เราสามารถใช้ปฏิทินแบบแขวนมาใช้เป็นตัวกลางในการโฆษณา โดยที่ไม่ได้โฆษณาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะแค่เพียงคนเดียวหรือคนรอบข้างที่เห็นปฏิทินของคุณในทุกๆ วัน  นั่นก็เท่ากับว่าคุณได้โฆษณาแบรนด์หรือสินค้าของคุณในทุก ๆ วัน นอกจากนี้ ปฏิทินนับเป็นของขวัญที่บริษัทสามารถนำมามอบให้กับพาร์ทเนอร์ ลูกค้าประจำ และบุคคลทั่วไปได้อีกด้วย

ในตอนนี้ ทาง Grace Greeting มีบริการรับทำปฏิทินตั้งโต๊ะ และปฏิทินแขวน  ที่สามารถนำไปแขวนไว้ได้ทุกที่ รวมถึงปฏิทินตั้งโต๊ะ  ใช้โฆษณาแบรนด์สินค้าและบริการของคุณได้อย่างดี    เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ Grace Greeting จึงได้เลือกใช้เครื่องพิมพ์คุณภาพสูง เพื่อให้คุณได้พิมพ์ปฏิทินคุณภาพดี ในราคาประหยัด ปฏิทินทำจากกระดาษแข็ง คุณภาพดี มั่นใจได้ว่าปฏิทินของคุณจะมีคุณภาพดีและแข็งแรงคงทนตลอด 365 วันอย่างแน่นอน

เวลาที่คุณสั่งพิมพ์ปฏิทินกับ Grace Greeting  คุณสามารถเลือกรูปแบบได้ตามต้องการว่าต้องการพิมพ์ปฏิทินขนาดไหน  คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการพิมพ์ปฏิทินกี่เดือนต่อหน้า ต้องการใส่รูปภาพ หรือข้อมูลอื่น ๆ อะไรบ้างที่คุณต้องการใส่ลงไปในปฏิทินแต่ละหน้า หรือหากคุณต้องการประหยัดงบประมาณ คุณสามารถเลือกพิมพ์ปฏิทินแขวนแบบแผ่นเดียว แล้วมีกระดาษปฏิทินของแต่ละเดือนอยู่ด้านล่างก็ได้

อย่างไรก็ตาม การพิมพ์ปฏิทินกับ Grace Greeting  สามารถช่วยคุณในการสร้าง Brand awareness หรือการตระหนักรับรู้ถึงแบรนด์ได้  และในขณะเดียวกันก็ช่วยกระชับความสัมพันธ์กับคู่ค้าพาร์ทเนอร์และลูกค้าขาประจำของคุณด้วยอีกทางหนึ่ง ทาง Grace Greeting มีบริการจัดส่งสินค้าฟรีทั่วประเทศไทย  หลังจากที่คุณสั่งพิมพ์ และอัพโหลดไฟล์อาร์ตเวิร์คเรียบร้อยแล้ว คุณก็รอรับสินค้าที่บ้านหรือที่ทำงานได้อย่างสบายใจไม่ต้องออกมารับสินค้าให้ยุ่งยาก ยิ่งไปกว่านี้ คุณสามารถเพิ่มมูลค่าปฏิทินของคุณให้ดูดียิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการเคลือบแบบต่าง ๆ ได้แก่

การเคลือบกระดาษแบบต่าง ๆ

การเคลือบเงา:

มีฟิล์มลามิเนตเคลือบบนปฏิทินเพื่อปกป้องปฏิทินของคุณจากน้ำ การขูดขีด และการชำรุดของขอบ การเคลือบมันช่วยเพิ่มความสวยงามและคุณภาพให้กับปฏิทินของคุณ ทั้งยังสะท้อนแสงและช่วยให้ปฏิทินของคุณดูสดใสมากยิ่งขึ้น

การเคลือบด้าน:

มีฟิล์มลามิเนตเคลือบบนปฏิทินเพื่อป้องกันปฏิทินของคุณจากน้ำ การขูดขีด และการชำรุดของขอบ การเคลือบด้านช่วยเพิ่มความสวยงามและคุณภาพให้กับปฏิทินของคุณ มีคุณสมบัติไม่สะท้อนแสง ช่วยให้ปฏิทินดูดีมีระดับและสัมผัสเรียบลื่น

การเคลือบยูวี:

การเคลือบ UV โดยปฏิทินของคุณจะถูกคลุมด้วยสารเคมีและฉายแสงยูวีทำให้ปฏิทินดูเงางาม การเคลือบ UV ช่วยเพิ่มสัมผัสที่พรีเมียม ช่วยให้ปฏิทินของคุณดูสวยงาม และช่วยปกป้องปฏิทินของคุณอีกด้วย

กระดาษที่ใช้ในงานพิมพ์ มีอยู่หลายชนิด ที่นิยมใช้โดยทั่วไป ได้แก่

กระดาษอาร์ต

กระดาษชนิดนี้เนื้อจะแน่น ผิวเรียบ เหมาะสำหรับงานพิมพ์สี่สี เช่น โปสเตอร์ โบรชัวร์ ปกวารสาร ฯลฯ กระดาษชนิดนี้ราคาค่อนข้างสูง คุณภาพกระดาษก็แตกต่างกันไปแล้วแต่มาตรฐานของผู้ผลิตด้วย มีให้เลือกหลายแบบ ได้แก่

  • กระดาษอาร์ตมัน เนื้อกระดาษเรียบ เป็นมันเงา พิมพ์งานได้ใกล้เคียงกับสีจริง สามารถเคลือบเงาได้ดี ความหนาของกระดาษมีดังนี้ 85 แกรม, 100 แกรม, 105 แกรม, 120 แกรม, 130 แกรม และ160 แกรม
  • กระดาษอาร์ตด้าน เนื้อกระดาษเรียบ แต่เนื้อไม่มัน พิมพ์งานสีจะซีดลงเล็กน้อย แต่ดูหรู ความหนาของกระดาษมีดังนี้ คือ 85 แกรม,100 แกรม, 105 แกรม, 120 แกรม , 130 แกรม,160 แกรม
  • กระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า เป็นกระดาษอาร์ตที่หนาตั้งแต่ 190 แกรม, 210 แกรม, 230 แกรม, 260 แกรม 310 แกรม เหมาะสำหรับพิมพ์งานโปสเตอร์ โปสการ์ด ปกหนังสือ หรืองานต่างๆ ที่ต้องการความหนา
  • กระดาษอาร์ตการ์ด 1 หน้า เป็นกระดาษอาร์ตที่มีความแกร่งกว่ากระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า หนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป เหมาะสำหรับพิมพ์งานที่ต้องการพิมพ์แค่หน้าเดียว เช่น กล่องบรรจุสินค้าต่างๆ โปสเตอร์ โปสการ์ด ปกหนังสือ เป็นต้น

กระดาษปอนด์

เป็นกระดาษเนื้อเรียบสีขาว นิยมใช้พิมพ์งานสีเดียว หรือพิมพ์สี่สีก็ได้แต่ไม่มันเงาเท่ากระดาษอาร์ต สามารถเขียนได้ง่ายกว่าทั้งปากกาและดินสอ เหมาะสำหรับพิมพ์เนื้อในหนังสือ กระดาษหัวจดหมาย ฯลฯ ความหนากระดาษที่นิยมใช้พิมพ์หนังสืออยู่ที่ 55 แกรม, 60 แกรม, 70 แกรม, 80 แกรม, 100 แกรม, 120 แกรม

กระดาษปรู๊ฟ

กระดาษปรู๊ฟ มีเนื้อกระดาษหยาบ สีน้ำตาล หรือขาวหม่น ฉีกขาดง่าย ราคาถูกที่สุด เหมาะสำหรับพิมพ์งานจำนวนมากๆ เช่น หนังสือพิมพ์ และบิลต่างๆ

กระดาษแบงค์

กระดาษแบงค์เป็นกระดาษบางๆ มักจะมีสี เช่น สีชมพู สีฟ้า สีเขียว และสีเหลือง นิยมใช้พิมพ์บิลต่างๆ หรือใบปลิว ความหนาประมาณ 55 แกรม, 70 แกรม, 80 แกรม

กระดาษแอร์เมล์

เนื้อกระดาษบางประมาณ 38 แกรม สำหรับพิมพ์บิล

ความหนาของกระดาษ

การวัดความหนาของกระดาษทำได้ยาก เพราะกระดาษแต่ละแผ่นบางมาก ดังนั้นแทนที่จะวัดจากความหนาโดยตรง ก็ใช้วิธีชั่งน้ำหนักของกระดาษแทน โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า กระดาษหนาย่อมมีน้ำหนักมากกว่ากระดาษบาง โดยพิจารณาจากน้ำหนักของกระดาษขนาด 1 ตารางเมตร ในหน่วยวัดเป็น แกรม (gsm: gram per square-meter) กระดาษชนิดเดียวกัน 120 แกรมจึงหนากว่ากระดาษ 80 แกรม

ควรเลือกใช้กระดาษกี่แกรมจึงเหมาะสม

การเลือกความหนาของกระดาษต้องพิจารณาตามงานที่เอาไปใช้ เช่นถ้าใช้ทำปกก็ต้องใช้กระดาษหนา แต่ถ้าเป็นใบเสร็จมีหลายชั้นเมื่อเขียนแล้วต้องการให้ทะลุถึงชั้นล่าง อย่างนี้กระดาษก็ต้องบาง ตัวอย่างที่นิยมใช้ ได้แก่

  • ใบเสร็จ และสิ่งพิมพ์ที่ต้องมีสำเนา นิยมใช้กระดาษประมาณ 40-50 แกรม
  • กระดาษหัวจดหมาย หน้าเนื้อในของหนังสือ นิตยสาร เนื้อในของสมุด นิยมใช้กระดาษประมาณ 70-80 แกรม
  • โบรชัวร์สี่สี หน้าสี่สีของนิตยสาร โปสเตอร์ นิยมใช้กระดาษประมาณ 120 – 160 แกรม
  • ปกหนังสือ นิตยสาร สมุด แฟ้มนำเสนองาน กล่องสินค้า นิยมใช้กระดาษประมาณ 300 แกรมขึ้นไป

ขนาดของกระดาษ

การออกแบบงานโดยไม่ทราบขนาดกระดาษนั้น ทำให้ต้นทุนในการพิมพ์งานนั้นสูงขึ้น เพราะว่ากระดาษจะไม่สามารถตัดให้ลงตัวได้ และจะเป็นเศษทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ขนาดของกระดาษในที่นี้หมายถึง กระดาษแผ่นใหญ่ ที่ตัดมาจากม้วนแล้วซึ่งมีขนาดต่างๆ ดังนี้

– กระดาษปอนด์ อาร์ตมัน อาร์ตด้าน ปรู๊ฟ โดยทั่วไปมีอยู่ 3 ขนาดคือ

  • 24 นิ้ว x 35 นิ้ว
  • 25 นิ้ว x 36 นิ้ว
  • 31 นิ้ว x 43 นิ้ว

– กระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า อาร์ตการ์ด 1 หน้า โดยทั่วไปมีอยู่ 2 ขนาดคือ

  • 25 นิ้ว x 36 นิ้ว
  • 31 นิ้ว x 43 นิ้ว

– กระดาษกล่องแป้ง (หลังขาว หลังเทา) โดยทั่วไปมีอยู่ 2 ขนาดคือ

  • 31 นิ้ว x 43 นิ้ว
  • 35 นิ้ว x 43 นิ้ว

– กระดาษเคมี (ก็อปปี้ในตัว) ที่นิยมมีอยู่ 1 ขนาดคือ

  • 24 X 36 นิ้ว

– กระดาษแบงค์สี โดยทั่วไปมีอยู่ขนาดเดียวคือ

  • 31 นิ้ว x 43 นิ้ว